หลายๆ ร้านอาหารที่กำลังมองหากลยุทธ์ เพิ่มยอดขายร้านอาหาร มักจะนึกถึงการลดราคาเพื่อดึงดูดลูกค้าจำนวนมากให้มาใช้บริการ แต่วิธีการลดราคาไม่ใช่การเพิ่มรายได้ที่ยั่งยืนให้กับร้านอาหาร และยังทำให้ร้านอาหารได้กำไรน้อยกว่าที่ควรจะเป็น วันนี้ Hungry Hub มีเทคนิคการเพิ่มรายได้ให้ร้านอาหารแบบไม่ต้องลดราคาด้วยการใช้ Tiering Price Model
Tiering Price Model คืออะไร?
Tiering Price Model คือ การตั้งราคาแบบระดับขั้นบันได เป็นการทำแพ็กเกจเมนูที่มีทางเลือกให้กับลูกค้า รองรับความต้องการที่หลากหลาย การทำ Tiering Price Model จะช่วยให้ร้านอาหารมีโอกาสขายในราคาที่สูงขึ้น โดยที่ลูกค้าเต็มใจจ่ายเพื่อได้รับความพิเศษที่เพิ่มขึ้น ทำให้มียอดขายต่อหัวที่สูงขึ้นตามไปด้วย
การทำ Tiering Price Model แบบ Hungry Hub
ข้อมูลจาก Hungry Hub แพลตฟอร์มจองร้านอาหารที่ทำโปรโมชันพิเศษร่วมกับร้านอาหารพาร์ทเนอร์ต่าง ๆ กว่า 700 ร้านอาหารและโรงแรม พบว่า การทำ Tiering Price Model แบบ Up-selling เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้ร้านอาหารได้อย่างยั่งยืน โดยไม่จำเป็นต้องลดราคา ซึ่งการทำ Tiering Price ที่ประสบความสำเร็จ มักจะมีแนวคิดในการทำแพ็กเกจราคา ดังนี้
1. แพ็กเกจเมนูที่แตกต่างกัน
การตั้งราคาขายแบบขั้นบันไดจากแพ็กเกจที่มีเมนูแตกต่างกัน เป็นกลยุทธ์การเพิ่มยอดขายโดยการทำแพ็กเกจที่ให้ลูกค้ายอมจ่ายเพิ่มขึ้น เพื่อได้รับบางอย่างที่เพิ่มขึ้น เช่น แพ็กเกจ A บุฟเฟ่ต์ 60 เมนู 1,099฿ แพ็กเกจ B บุฟเฟ่ต์ 60 เมนู รับ 1 เมนูพรีเมียมและเครื่องดื่มม็อคเทล 1 แก้ว 1,299฿ และ แพ็กเกจ C บุฟเฟ่ต์ 60 เมนู รับกุ้งแม่น้ำไม่อั้น พร้อมเครื่องดื่มม็อคเทล Free Flow 1,599฿ เป็นต้น วิธีนี้เรียกอีกอย่างว่าเป็นกลยุทธ์แบบ Decoy Pricing คือการทำแพ็กเกจราคาอย่างน้อย 3 Tier โดยให้ราคาแพ็กเกจกลางกับแพ็กเกจแพงสุดมีความใกล้เคียงกัน เป็นการชี้นำให้ลูกค้ารู้สึกว่าจ่ายเพิ่มขึ้นเพียงนิดเดียวก็ได้แพ็กเกจดีที่สุด
2. วัน เวลา ที่มีความต้องการสูง
ในหนึ่งสัปดาห์มักจะมีวันและช่วงเวลาที่ร้านอาหารขายดีและขายไม่ดี จุดนี้เองสามารถใช้การทำ Tiering Price Model เป็นกลยุทธ์ในการเพิ่มยอดขายให้กับร้านอาหารได้ โดยในช่วงเวลาที่ลูกค้ามีความต้องการน้อย หรือมี Demand ต่ำ เช่น วันธรรมดา หรือ เวลา 13.00 น. – 16.00 น. ช่วงเวลาที่มีลูกค้าน้อย ร้านอาหารสามารถปรับราคาลง เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าตัดสินใจจองได้ เป็นการเพิ่มรายได้ให้ร้านอาหารแทนการปล่อยให้โต๊ะว่าง ในขณะที่ช่วงเวลาที่มี Demand สูง หรือลูกค้ามีความต้องการซื้อมาก เช่น วันเสาร์-อาทิตย์ หรือ ช่วงเวลา 18.00 น. – 21.00 น. เป็นต้น ร้านสามารถทำแพ็กเกจแบบอัพราคา ช่วยเพิ่มกำไรให้ร้านอาหารได้
3. การ Bundle แพ็กเกจพิเศษ
การทำ Tiering Price Model ที่ เพิ่มยอดขายร้านอาหาร ได้ไม่น้อย คือการทำแพ็กเกจพิเศษแบบ Bundle เช่น แพ็กเกจ Staycation จองห้องพัก รับคอร์สอาหารพิเศษ ราคาพิเศษ โดยลูกค้าสามารถอัพราคาเพื่ออัปเกรดประเภทห้องได้ เป็นต้น ซึ่ง Case Study ที่เกิดขึ้นจริงจากการทำแพ็กเกจ Copper x Banyan Tree จองร้าน Copper Buffet พร้อมเข้าพักที่โรงแรม Banyan Tree ซึ่งเป็นโรงแรม 5 ดาวที่มีราคาสูง จากการทำโปรโมชันพบว่าฐานลูกค้าของ Hungry Hub เป็นผู้ที่มีกำลังซื้อสูง ทำให้สามารถทำราคาได้อย่างหลากหลายตั้งแต่ราคา Standard ไปจนถึงแพ็กเกจราคาสูงถึงเก้าพันบาท ช่วยเพิ่มยอดขายต่อหัวและเพิ่ม Revenue ให้ร้านได้จำนวนมาก
หากร้านอาหารมีคำถาม หรือต้องการความช่วยเหลือจากทีม Hungry Hub สามารถติดต่อได้ที่ Line: @hhrestaurant
หรือ หากร้านอาหารใหม่ สนใจอยากเข้าร่วม กับ Hungry Hub เพื่อเพิ่มโอกาส เพิ่มยอดขายให้ร้านของคุณ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >> คลิก
อ่านบทความสำหรับผู้ประกอบการ ธุรกิจร้านอาหาร เพิ่มเติม
เมื่อ ร้านอาหาร ได้รับ รีวิว ไม่ดีควรแก้ไขอย่างไร?
4 เทคนิคป้องกันการ No Show – ลูกค้าจอง แต่ไม่มา
รีวิวร้านอาหาร กลยุทธ์ปั้นแบรนด์ จากร้านโนเนม สู่ร้านที่ไกลแค่ไหนก็ตามไปกิน!
รวม เมนูอาหาร สร้างมูลค่า และดึงดูดลูกค้า ให้ตัดสินใจซื้อในสายตาคนไทย
แค่สังเกตพฤติกรรมลูกค้า ก็ช่วยทำให้ ร้านอาหาร เพิ่มยอดขายได้อย่างง่ายดาย!