คุณสิทธิฉันท์ วุฒิพรกุล เจ้าของร้าน รสดีเด็ด The Steakhouse ผู้คร่ำหวอดในวงการเนื้อวัวไทย และเป็นผู้ผลักดันเนื้อไทยในวงการอาหาร โดยมีความเชื่อว่า เนื้อไทยเองมีคุณภาพอยู่แล้ว หากได้รับการสนับสนุน ในเรื่องของการพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์ จะทำให้เนื้อไทยสามารถมีคุณภาพทัดเทียมเท่าเนื้อนำเข้าจากเมืองนอก เพื่อให้คนไทยได้ทานเนื้อดีได้ในราคาที่จับต้องได้ และยังเป็นการสนับสนุนเกษตรกรไทยอีกด้วย
รสดีเด็ดได้เลือกแหล่งวัตถุดิบชั้นดีที่ส่งตรงจากเกษตรกรไทย จากแหล่งเนื้อที่ได้มาตรฐาน 2 แห่ง คือ สหกรณ์โคเนื้อ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน และสหกรณ์โคเนื้อโพนยางคำ จังหวัดสกลนคร คุณนพ รสดีเด็ด มีความเชื่อมั่นในศักยภาพของเกษตรกรไทยว่าสามารถพัฒนาไปถึงจุดที่เป็นครัวระดับโลกได้ และการนำเนื้อไทยมาใช้ในวงการอาหาร เป็นโอกาสที่จะผลักดันวัตถุดิบไทยให้เนื้อมีคุณภาพทัดเทียมกับต่างประเทศ
ทำไม รสดีเด็ด ถึงเลือกใช้เนื้อไทย
รสดีเด็ดเลือกนำเอาเนื้อวัวไทย มาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในร้าน Steakhouse ทั้งราคาที่ถูกกว่า และคุณภาพที่ดีไม่แพ้เนื้อนำเข้า ทำให้เนื้อวัวไทย กลายเป็นทางเลือกใหม่ของผู้บริโภค และเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ร้านอาหารประเภทเนื้อห้ามมองข้าม
“ทางร้านรสดีเด็ด เราเล็งเห็นถึง Potential หรือตัวคุณภาพหรือตัวของวัตถุดิบของเนื้อไทย เมื่อก่อนเมื่อประมาณสักสามสิบกว่าปีที่แล้ว ทางโพนยางคํา มีการนําตัวน้ำเชื้อเป็นโคลูกผสมไทยเฟรนช์ เป็นวัวลูกผสมชาโรเล่ย์นะครับเข้ามาในเมืองไทย จุดๆ นี้ก็คือเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนา และต่อยอดของธุรกิจโคเนื้อไทยเพื่อให้มีเนื้อไทยที่มีคุณภาพทัดเทียมของต่างประเทศ ที่มาทานเป็นตัวเนื้อโคไทย เป็นการที่ว่าช่วยเหลือและความมั่นคงให้กับทางเกษตรกรไทย …ถ้าถามว่าคุณภาพที่มันจะทัดเทียมกับเนื้อวัวต่างประเทศเป็นไปได้ไหม ตอนนี้เราใกล้ความเป็นจริงเยอะมากนะครับ”
เนื้อไทย ขายได้จริง ไม่แพ้เนื้อนอก
จากการผลักดัน นำเนื้อวัวไทย มารังสรรค์เป็นเมนูต่างๆ ในร้านสเต็กเฮาส์ พบว่าได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำ โดย คุณนพ กล่าวว่า “ในส่วนของทาง Smile Beef ที่เราเลือกใช้เป็น Dye-Aged ก็เป็นโคลูกผสมสายพันธุ์ Angus ซึ่งน้ำเชื้อมาจากอเมริกาเหมือนกัน ในการที่เราใช้เนื้อในการพัฒนาในแบบแบบนี้ กับการปรับปรุงสายพันธุ์ที่ดี เป็นช้อยส์ในราคาที่ทุกคนจับต้องได้ ทุกคนมีเกิดการทานซ้ำ เพราะคุณภาพทัดเทียม เราไม่แพ้เลย ออกจะดีกว่าซะด้วยซ้ำ ในส่วนของที่เป็นในตัวของเป็น Prime ในระดับ USDA Prime ของคนไทยก็เลี้ยงได้ดีมาก เนื้อไทยไม่แพ้เนื้อต่างประเทศเลย”

“Hungry Hub คือหนึ่งในตัวผลักดันเรื่องโคเนื้อไทยเป็นอย่างมาก เพราะว่าสมัยเมื่อก่อนมันจะมีเนื้ออยู่ตัวหนึ่งชื่อ พิคานยา (Picanha) ซึ่งจะมีแต่คนที่บริโภคเนื้อที่เป็น Meat Lover จริงๆ ที่เข้าใจว่า พิคานยา (Picanha) คือ Queen of Beef ซึ่งคนไทยไม่ได้เล็งเห็น ปล่อยมันทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์
เราก็เล็งเห็นแล้วก็เอาจุดๆ นี้มา มาสร้างเป็นมูลค่าขึ้นมา บวกกับทาง Hungry Hub ได้เป็นคน PR แรกๆ Hungry Hub เป็นตัวที่ส่งเสริมร้านอาหารให้เราเดินไปถึงจุดที่สําเร็จ ส่งเสริมร้านอาหารแล้ว ก็คือส่งเสริมเกษตรกรไทย เพื่อให้เกษตรกรไทยได้ขายเนื้อมากขึ้น ได้ใช้ชิ้นส่วนทุกอย่างออกไปหมดนะครับ”
“โปรโมชั่นใน Hungry Hub มีต่อสังคมผู้บริโภคของบ้านเราเนี้ย มันเป็นจุดที่คุ้มค่าเพราะเขาเล็งเห็นว่าความคุ้มค่าของลูกค้าต้องมาก่อน”
คุณสิทธิฉันท์ วุฒิพรกุล เจ้าของร้าน รสดีเด็ด The Steakhouse
หากร้านอาหาร มีคำถาม หรือต้องการความช่วยเหลือจากทีม Hungry Hub สามารถติดต่อได้ที่ Line: @hhrestaurant
เสียงตอบรับจาก Partner ร้านอาหาร ที่ร่วมกับ Hungry Hub
- เปิดสูตรความสำเร็จ Vertigo Rooftop รูฟท็อปหรูระดับ Top ของเมืองไทยที่อยู่รอดในทุกสถานการณ์
- ได้เริ่มทำ Delivery กับ Hungry Hub แม้จะเจอล็อกดาวน์ แต่ยอดขายกลับเพิ่มขึ้น
- ในช่วงโควิด-19ระบาด ทางโรงแรมรู้สึกโชคดีมากที่มีโอกาสร่วมงานกับ Hungry Hub
- ต่อยอด ร้านซีฟู้ด เก่าแก่ของครอบครัว ด้วยการสร้าง Experience ใหม่ๆ