Hungry Hub หนึ่งในสตาร์ทอัพ ที่อำนวยความสะดวกในการจองให้กับร้านอาหาร ที่มีผู้ใช้บริการกว่าจำนวน 1 ล้านที่นั่งและยังสามารถสร้างรายได้ให้กับร้านอาหารสูงถึง 80 ล้านบาท ในภายใต้สถานการณ์ในยุค New Normal รวมไปถึงแพ็คเกจที่มีความหลากหลาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การรับประทานอาหารของลูกค้าได้อย่างดี Hungry Hub คืออะไร? ทำไมธุรกิจร้านอาหารถึงเลือกใช้ แล้วสามารถสร้างยอดขายให้กับธุรกิจร้านอาหารได้อย่างไร?
Hungry Hub คืออะไร? Start up แห่งวงการบุฟเฟ่ต์
Hungry Hub คือ แพลตฟอร์มจองร้านอาหารเปิดตัวครั้งแรก ในปี 2014 โดยคุณสุรสิทธิ์ สัจจะเดว์ (CEO และ Co-Founder ของ Hungry Hub) ซึ่งในเดิมที Hungry Hub เป็นแพลดฟอร์มสำหรับสร้างความสะดวกในการสร้างระบบการจองร้านอาหาร จนเมื่อปี 2016 ได้ก็มีการเปลื่ยนโครงสร้างโมเดลธุรกิจ (Business Model) ให้เป็นรูปแบบ All you can eat ซึ่งต้องการทำให้ตอบโจทย์ทั้งฝั่งร้านอาหาร และ ทางลูกค้า ให้มากขึ้น
ปัญหาที่เจอคือการพาทีมงาน Hungry Hub ไปทานอาหารข้างนอกบ่อย ก็มักจะเจอกับปัญหาค่าใช้จ่ายเกินกว่างบที่ตั้งไว้ทุกครั้ง นี้จึงเป็นที่มาของการเริ่มต้นของ โครงสร้างธุรกิจ ให้เป็นแบบรูปแบบ All you can eat ขึ้นมา
จาก Business Model ที่เปลื่ยนไปก็ส่งผลทำให้ ตอบโจทย์และแก้ไข Pain Point ซึ่งทำให้เพิ่มยอดขาย และได้ฐานลูกค้า ซึ่งเป็นผลดีสำหรับร้านอาหาร ส่วนผู้บริโภค ก็จะสามารถเลือกทานอาหารแพ็คเกจต่างๆ ในราคาที่พิเศษ สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายล่วงหน้าได้ โดยในปัจจุบันก็มีร้านอาหารและโรงแรมที่เข้าร่วมกับ Hungry Hub มากกว่า 700+ ร้าน ทั่วกรุงเทพ
และเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา Hungry Hub ก็ได้มีการขยายการตลาดในต่างจังหวัด อาทิ ภูเก็ต พัทยา หัวหิน ซึ่ง Hungry Hub และร้านอาหารและโรงแรมในต่างจังหวัด ก็ได้ฐานลูกค้าและรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ลูกค้าที่ใช้บริการร้านในพื้นที่ของกรุงเทพ ก็ได้ไปใช้บริการร้านในต่างจังหวัดด้วยเช่นเดียวกัน โดยสามารถสร้างยอดขายสูงตั้งแต่หลักแสนจนถึงล้านบาทได้ จึงถือว่าเป็นโอกาสที่สำคัญในการขยายไปต่างจังหวัด ที่มีความเติบโตมากขึ้น
ทำความรู้จักกับ แพ็คเกจรูปแบบต่างๆ ของ Hungry Hub
![แพ็กเกจ Hungry Hub คืออะไร มีอะไรบ้าง](https://business.hungryhub.com/wp-content/uploads/2022/02/Package-02-1024x595.png)
ในปัจจุบัน Hungry Hub ก็ได้มี Business Model ทั้งหมด 5 รูปแบบที่สามารถสร้างยอดขายให้กับร้านอาหาร และโรงแรม รวมไปถึงสร้างตัวเลือกให้ลูกค้า ได้เลือกแพ็คเกจที่ตรงกับความต้องการ อาทิ
- All You Can Eat แพ็คเกจที่ให้ลูกค้าได้อิ่มอร่อยได้กับเมนูอาหารในรูปแบบต่างๆได้ไม่อั้นในเวลา 2 ชั่วโมง
- Party Pack แพ็คเกจที่สามารถเลือกเมนูอาหารในเซ็ตเดียวที่สามารถควบคุมงบประมาณได้ เหมาะสำหรับการรับประทานอาหารในกลุ่มเพื่อนและครอบครัว
- Xperience แพ็คเกจที่จะเปลื่ยนการเข้าพักในโรงแรมแบบธรรมดา ให้กลายเป็น Staycation ควบคู่ไปกับแพ็คเกจมื้ออาหารจากทางโรงแรม โดยไม่บวกราคาเพิ่มกับทางลูกค้า
- Buffet Plus แพ็คเกจที่จะมอบสิทธิ์พิเศษ ให้สำหรับผู้ที่จองแพ็คเกจนี้เท่านั้น อาทิ เมนูพิเศษจากร้านอาหารที่จะไม่มีในรายการปกติ เป็นต้น
- Hungry@Home Business Model ในรูปแบบพิเศษที่จะเป็นการช่วยผู้ประกอบการให้มีช่องทางหารายได้เพิ่มขึ้น ในยุค New Normal โดยเพื่มจากการจองให้กลายเป็นระบบเดลิเวอรี่
ทำไมถึงต้องร่วมกับ Hungry Hub แล้วจะสามารถสร้างยอดขายได้อย่างไร?
ร้านอาหารหลายๆร้าน ที่มีกลุ่มลูกค้าที่เยอะอยู่แล้วเลือกที่จะใช้การลดราคาตั้งแต่ 30-50% ในการทำการตลาดเพื่อดึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการที่มากขึ้น ในบางช่วงอาจจะเกิดผลกระทบในด้านของรายรับที่เข้ามา ซึ่งส่งผลทำให้ต้องลดคุณภาพหรือปริมาณของอาหารลง และทำให้สูญเสียกลุ่มลูกค้าไปด้วยเช่นเดียวกัน แต่ Hungry Hub มีความแตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่ใช้ส่วนลดราคา เพื่อดึงดูดลูกค้าเข้าร้าน แต่จะเป็นการเพิ่มยอดขายอย่างยั่งยืน ให้กับร้านอาหาร
ซึ่งจะการทำแพ็กเกจ ระหว่าง Hungry Hub กับร้านอาหาร จะเป็นในรูปแบบของ Exclusive Deals ซึ่งทำให้ร้านสามารถจัดการระบบของร้านอาหารได้ง่ายดายยิ่งขึ้นจากการที่ใช้ระบบการจองเข้ามาช่วย ทำให้สามารถจัดสรรการใช้บริการเป็นรอบๆ เพื่อสร้างรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ Hungry Hub ยังมีการทำการตลาดในรูปแบบ Marketing Partner ที่จะเพิ่มช่องทางในการโปรโมทไม่ว่าจะเป็น Social Media, Blogger, และ Review ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้ให้กับร้านอาหาร ด้วยแพ็คเกจต่างๆ ที่จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ มากกว่า 4 แสนกว่าคน ไม่ใช่แค่เพียงร้านอาหารเท่านั้นที่จะได้ประโยชน์เพียงฝ่ายเดียว ทางฝั่งของลูกค้าก็จะสามารถเลือกแพ็คเกจที่ถูกใจ ในราคาสุทธิ ที่สามารถควบคุมได้ รวมไปถึงสิทธิพิเศษต่างๆ ที่ช่วยทำให้ลูกค้าอยากกลับมาใช้มากขึ้น ทั้ง Hungry Hub Voucher , Hungry Point ที่สามารถใช้แต้มในการแลกวอยเชอร์เงินสดได้ ซึ่งจะทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่ากับจำนวนเงินที่ใช้จ่าย และสิ่งที่ได้รับกลับมา
รวมสถิติที่น่าจับตามองของ Hungry Hub ในปี 2021
![รวมสถิติที่น่าจับตามองของ Hungry Hub ในปี 2021](https://business.hungryhub.com/wp-content/uploads/2022/02/271981827_297978009037494_4268603633250311702_n-1024x1024.png)
ในปี 2021 ที่ผ่านมานับว่าเป็นการเติบโตของธุรกิจก้าวกระโดดของ Hungry Hub โดยมีจำนวนร้านอาหาร โรงแรม มากกว่า 700+ ร้านที่เข้าร่วมกับ Hungry Hub ใน 135 ร้านสามารถเพิ่มรายได้มากกว่า 1 ล้านบาท โดยเมื่อเปรียบเทียบระหว่างไตรมาสที่ 4 ของปี 2020 และไตรมาสที่ 4 ของปี 2021 พบว่ามีการเติบโตสูงขึ้นกว่า 63% ซึ่งสามารถสร้างรายได้สูงสุดรวมไปกว่า 142 ล้านบาทซึ่งเป็นการทำลายสถิติตั้งแต่ก่อตั้ง Hungry Hub มา
รายได้สูงสุดที่ร้านอาหารแต่ละประเภททำได้
- รายได้สูงสุดของร้านอาหาร 1 สาขา คือ 81 ล้านบาท
- รายได้สูงสุดของร้านอาหารแบบหลายสาขา คือ 17 ล้านบาท
- รายได้สูงสุดของห้องอาหารในโรงแรม คือ 17 ล้านบาท
- รายได้สูงสุดของแพ็กเกจ Staycation คือ 8 ล้านบาท
นอกจากนี้ช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆ ก็ได้มีการสร้างแคมเปญขึ้นมาให้เข้ากับช่วงเทศกาลนั้นๆโดย สามารถสร้างยอดขายให้ร้านอาหารได้เพิ่มขึ้นมากถึง 3 เท่า ส่วนแพ็คเกจยอดนิยมที่สามารถสร้างรายได้ ก็ยังคงเป็น All You Can Eat คิดเป็น 29% ของรายได้ทั้งหมด รองลงมาก็จะเป็น Party Pack ที่คิดเป็น 24% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่า Party Pack เป็นอีก 1 ตัวเลือกที่ได้รับความนิยมรองจากแพ็คเกจบุฟเฟ่ต์ เพราะผู้บริโภคได้สนใจความคุ้มค่ามากขึ้นนั้นเอง
Hungry@Home กับการเพิ่มรายได้ให้ร้านอาหารในสถานการณ์ New Normal
![Hungry Hub @Home บริการเดลิเวอรี่ กับการเพิ่มรายได้ให้ร้านอาหารในสถานการณ์ New Normal](https://business.hungryhub.com/wp-content/uploads/2022/02/hungryhub@home-ดียังไง-819x1024.png)
Hungry@Home ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่ง แพ็คเกจ ที่ได้รับความนิยม ตั้งแต่สถานการณ์ New Normal จนถึงปัจจุบัน ยอดการสั่งซื้อ หรือ ยอดเฉลี่ยต่อออเดอร์ (Avg. Basket Size) จะอยู่ที่ 1,000 กว่าบาท โดยในปี 2021 สามารถสร้างรายได้ ให้กับร้านอาหาร ไปได้มากถึง 67 ล้านบาท
Staycation การพักผ่อนแบบใหม่ที่ได้รับความนิยมในปี 2021
![สรุป Staycation การพักผ่อนแบบใหม่ที่ได้รับความนิยมในปี 2021](https://business.hungryhub.com/wp-content/uploads/2022/02/Staycation-20-1-1024x683.jpg)
Staycation หนึ่งในเทรนด์ที่เป็นกระแสในช่วงปี 2021 ที่ผ่านมา โดย Staycation (สเตเคชั่น) เป็นการท่องเที่ยวแบบภายในจังหวัด เนื่องจากสถานการณ์โควิดที่มีการล็อกดาวน์ ทำให้การเดินทางไปท่องเที่ยวที่ต่างประเทศ หรือการท่องเที่ยวที่ต่างจังหวัด อาจจะเกิดความเสี่ยงกับสุขภาพ โดย Stay มาจากคำว่า อยู่ และ Vacation ที่หมายถึงวันหยุดพักผ่อน ซึ่งจากกระแสที่เริ่มเป็นที่นิยมนี้เองจึงเป็นผลทำให้โรงแรม ก็ได้จัดโปรโมชั่นร่วมกับ Hungry Hub พร้อมกับการเลือกใช้กลยุทธ์การตลาดเพิ่มยอดขายด้วยแนวคิด
เที่ยวที่เดียวจบ ไม่ต้องวางแพลน ไม่ต้องจัดกระเป๋า พร้อมอาหารมื้อพิเศษ
ด้วยแนวคิดนี้จึงทำให้ถูกใจลูกค้า และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนวัยทำงานไม่น้อย เพราะไม่ต้องเดินทางไกล และจัดกระเป๋าเดินทาง หรือ รอเครื่องบินให้วุ่นวาย ซึ่งในปี 2021 ก็สามารถสร้างได้สูงสุดไปว่า 8 ล้านบาท
Corporate Gourmet Delivery บริการจัดเลี้ยงออนไลน์ ในยุค 5.0 พร้อมส่งอาหารถึงบ้าน
![Corporate Gourmet Delivery บริการจัดเลี้ยงออนไลน์ ในยุค 5.0 พร้อมเดลิเวอรี่ส่งอาหารถึงบ้าน](https://business.hungryhub.com/wp-content/uploads/2022/02/Corporate-delivery-Thai-1024x1024.jpg)
Corporate Gourmet Delivery เป็นบริการใหม่ของ Hungry Hub ที่เปิดตัวในปี 2021 พร้อมกับการมอบทางเลือกในการจัดเลี้ยงแบบออนไลน์ ให้ทุกคนได้ทานอาหารที่บ้านด้วยกันโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเลือกร้านอาหาร การควบคุมต้นทุน และ ขั้นตอนการจัดส่ง สามารถช่วยเพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน-ลูกค้า ในช่วงเวลาที่ Work From Home ได้เป็นอย่างดี
![](https://business.hungryhub.com/wp-content/uploads/2022/02/4-e1629194799749-1024x455.png)
![](https://business.hungryhub.com/wp-content/uploads/2022/02/271737255_517833592828934_3387932208616702291_n-1024x491.png)