แน่นอนว่าการเลือกโต๊ะเก้าอี้มาวางภายในร้านนั้น สามารถบ่งบอกตัวตนของร้านได้ดี ว่าร้านนั้นเป็นร้านอย่างไร หากเลือกรูปแบบโต๊ะให้เหมาะกับสไตล์ร้านและประเภทอาหารที่เสิร์ฟ ก็จะสามารถดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมาใช้บริการที่ร้านได้ แต่ในขณะเดียวกันหากโต๊ะเก้าอี้ที่เลือกสวนทางกับสไตล์ร้าน ก็จะไม่สามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่ต้องการได้ รูปแบบโต๊ะอาหาร จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สามารถบ่งบอกตัวตนของร้านได้นั่นเอง
วันนี้ Hungry Hub จึงนำเสนอความสำคัญของรูปแบบโต๊ะอาหารและเทคนิคเลือกยังไงให้เหมาะกับสไตล์และกลุ่มลูกค้าไว้ในบทความนี้แล้ว
ทำไมต้องเลือก รูปแบบโต๊ะอาหาร ให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
การเลือก รูปแบบโต๊ะอาหาร ที่เหมาะสมกับสไตล์ร้านและกลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมายของเรา จะช่วยสร้างบรรยากาศในการทานอาหาร สามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าไม่แพ้กับรสชาติอาหารและการบริการ แสดงถึงลักษณะของประเภทร้านอาหาร บ่งบอกความเป็นตัวตนของร้าน ทั้งยังช่วยทำให้บรรยากาศการทานอาหารดูน่าอร่อยขึ้นได้มากกว่าที่คิด
ในขณะเดียวกัน หากร้านอาหารเกิดเลือกโต๊ะอาหารที่ไม่เหมาะสมกับสไตล์ของร้าน ก็จะไม่สามารถดึงดูดลูกค้าที่ต้องการเข้ามาได้ เพราะดีไซน์ไม่ตอบโจทย์ ลูกค้าไม่เกิดความดึงดูด เช่น หากร้านอาหารที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นร้านสำหรับครอบครัว หากร้านเลือกใช้โต๊ะเล็ก ๆ หรือโต๊ะที่ลำบากในการเข้าออก ก็จะไม่สะดวกสำหรับผู้สูงอายุ หรือ หากร้านหรู ที่ต้องการดึงดูดลูกค้ากลุ่มไฮเอนด์ แต่เลือกดีไซน์ที่ไม่ตอบโจทย์ ไม่ Luxury ก็ไม่สามารถดึงดูดลูกค้าที่ต้องการเข้ามาได้ เป็นต้น
เทคนิคการเลือก รูปแบบโต๊ะอาหาร ตาม 5 สไตล์ร้าน
1.ร้านครอบครัว
ร้านอาหารสไตล์นี้มักจะมาเป็นครอบครัว 3-4 คน รูปแบบโต๊ะอาหาร ที่เหมาะสมจึงควรจะเป็นโต๊ะที่สามารถรองรับจำนวนสมาชิกครอบครัวทั้งหมดได้ โต๊ะมีขนาดใหญ่พอที่จะวางอาหารได้หลายจาน เก้าอี้เพียงพอกับสมาชิกทุกคน ในกรณีที่มีผู้สูงอายุมาด้วยก็สามารถเดินเข้าออกสะดวกสบาย อย่างโต๊ะแนว Solid Wood Dining Table ซึ่งเป็นโต๊ะไม้เรียบ ๆ โทนสีสบายตา มีพื้นที่สำหรับวางอาหารได้ค่อนข้างเยอะ ไม่อึดอัด
กรณีครอบครัวใหญ่ตั้งแต่ 6-8 คน โต๊ะจีน (Chinese Round Table) ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ตอบโจทย์ลูกค้าจำนวนนี้ได้ดี รองรับคนได้เยอะ แถมยังหมุนตักอาหารเองได้ง่ายสะดวก ไม่ต้องคอยส่งอาหารกันไปมาให้ลำบาก ทั้งยังเปิดโอกาสในการพูดคุยกันได้มากขึ้น สร้างความสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัวได้ดีนั่นเอง
2.ร้านคาเฟ่
แน่นอนว่าลูกค้าสาย Cafe Hopping ส่วนใหญ่ที่มาคาเฟ่นั้น จะต้องหามุมสวย ๆ อัพเดตคอนเทนต์ลงโซเชียลอย่างแน่นอน ฉะนั้น โต๊ะแนว Sofas & Coffee Table-Styled Seating จึงเหมาะแก่การถ่ายรูป และเหมาะสมที่จะนำมาจัดวางไว้ภายในร้าน ด้วยความที่เป็นโต๊ะเตี้ย จึงทำให้ร้านดูโปร่ง มองแล้วรู้สึกสบายสายตา ให้บรรยากาศสบาย ๆ แถมยังสวยงามอีกด้วย
แต่โต๊ะรูปแบบนี้มีลักษณะค่อนข้างเตี้ยและราคาค่อนข้างสูง ขนาดกินพื้นที่ร้านเยอะ จึงไม่เหมาะในการทานอาหารมื้อใหญ่ ทั้งยังเป็นรูปแบบต๊ะที่ลูกค้ามักใช้เวลานั่งนานกว่าแบบอื่น ๆ
3.ร้านอาหารญี่ปุ่น
ร้านอาหารญี่ปุ่น นอกจากจะเน้นโต๊ะอาหารสไตล์ไม้ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศแบบญี่ปุ่นแล้ว ยังมีโต๊ะสไตล์บาร์ที่เหมาะกับร้านแนวนี้ เพื่อเน้นให้ลูกค้าสามารถปฏิสัมพันธ์กับเชฟ เห็นกรรมวิธีสร้างสรรค์เมนูแบบใกล้ชิด จึงใช้ โต๊ะบาร์ (Bar Seating) เพื่อสะดวกต่อการรับอาหารจากเชฟโดยตรงแบบคำต่อคำ ไม่ต้องเสียเวลารอเสิร์ฟนานๆ อีกทั้งด้วยความที่เห็นขั้นตอนกรรมวิธีต่างๆ ลูกค้าก็จะสามารถรับรู้ถึงสะอาด ปลอดภัย เป็นไปตามมาตรฐานของเชฟได้ เชฟจึงมีหน้าที่ทั้งทำอาหารและจัดเสิร์ฟเมนูให้กับลูกค้า ร้านก็ลดค่าจ้างพนักงานเสิร์ฟ ลูกค้าไม่ต้องรออาหารนาน
แต่เมื่อทุกกรรมวิธีของเชฟอยู่ในสายตาลูกค้าทั้งหมด เจ้าของร้านเองก็ต้องเตรียมความพร้อมทั้งในเรื่องของเชฟและวัตถุดิบให้ดี เพื่อไม่ให้ความผิดพลาดใด ๆ เกิดขึ้น
4.ร้านหรู
ร้านแนว Luxury ลูกค้าก็คงคาดหวังว่าจะต้องเรียบหรู ดูแพง เหมาะแก่การมาในวันพิเศษ ๆ ฉะนั้นควรเน้น โต๊ะแนว Classic booth โซฟาหนังหรือกะมะหยี่ จะสามารถเพิ่มความหรูหรา และดูพรีเมี่ยมมากขึ้น แถมยังนั่งสบาย ทำให้สามารถนั่งพูดคุยกันได้อย่างใกล้ชิดและเป็นส่วนตัว สร้างความสะดวกสบายให้ทั้งพนักงานในการเสิร์ฟอาหารและลูกค้าที่ไม่ต้องรู้สึกอึดอัดเมื่อพนักงานเสิร์ฟเดินไปมา โต๊ะแนวนี้จะเหมาะกับร้านที่มีงบประมาณในระดับนึง เพราะราคาค่อนข้างสูง
5.ร้านอาหาร/บาร์
ร้านแนวนี้จะเน้นลูกค้าที่มาดื่มดำกับเครื่องดื่มและบรรยากาศมากกว่าการทานอาหาร อาจใช้ โต๊ะแนว High Top Tables โต๊ะสูง เก้าอี้สูง ที่ไม่จำเป็นต้องใหญ่ เคลื่อนย้ายได้ง่าย เพราะนาน ๆ เข้าลูกค้าอาจลุกขึ้นเต้นเอนจอยกับเสียงเพลงแทนการนั่งเฉย ๆ ก็ได้ ฉะนั้นขอแค่วางเครื่องดื่มหรือของเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ก็เพียงพอแล้ว
แต่โต๊ะรูปแบบนี้จะไม่เหมาะกับร้านอาหารประเภท Full-service เพราะนั่งไม่ค่อยสบาย แต่ขณะเดียวกันโต๊ะรูปแบบนี้ก็เหมาะสำหรับร้านอาหารแนว fast food หรือ ร้านที่เน้นการ Turn over อย่างรวดเร็ว เพราะคงไม่มีใครอยากนั่งนาน ๆ กับโต๊ะที่นั่งไม่ค่อยสบายนั่นเอง
ทั้งหมดนี้ก็คือความสำคัญและเทคนิคเลือกรูปแบบโต๊ะให้เหมาะกับทั้ง 5 สไตล์ร้าน เมื่อได้ทราบถึงความสำคัญและเทคนิคแล้ว ก็อย่าลืมนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับสไตล์ร้านอาหารของท่านเอง เพื่อสร้างบรรยากาศร้านที่ดี ดึงดูดลูกค้าให้มาใช้บริการในร้าน
หากร้านอาหารใหม่ สนใจอยากเข้าร่วม กับ Hungry Hub เพื่อเพิ่มโอกาส เพิ่มยอดขายให้ร้านของคุณ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : คลิก
หากร้านอาหารมีคำถาม หรือต้องการความช่วยเหลือจากทีม Hungry Hub สามารถติดต่อได้ที่ @hhforbusiness