ทำไมถึงต้องใช้ Blogger ในการทำ ธุรกิจร้านอาหาร?

หลาย ๆ คนคงรู้จัก Blogger (บล็อกเกอร์) ว่าเป็นนักเขียนเล่าประสบการณ์ผ่านตัวหนังสือในเว็บไซต์ เว็บบล็อกต่าง ๆ เช่น นักรีวิวร้านอาหาร นักเขียนไดอารี่รีวิวการเดินทาง บิวตี้บล็อกเกอร์รีวิวเครื่องสำอาง เป็นต้น

แต่ในปัจจุบัน Blogger หรือนักเขียนรีวิว มีการรีวิวในแพลตฟอร์มอื่น ๆ อย่าง Social Media มากขึ้น ไม่ใช่แค่เว็บบล็อกอีกต่อไป เช่น Facebook, Instagram, TikTok เป็นต้น กลายเป็นอาชีพที่ทำเงินให้นักรีวิว และเพิ่มยอดขายให้แบรนด์ได้เป็นอย่างมาก

จากสถิติ Thailand Digital Stat 2021 ครึ่งปีหลัง โดย We Are Social พบว่า คนไทยกว่า 51.3 % ใช้ Social Media เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ นั่นหมายความว่ายิ่งแบรนด์ถูกพูดถึงใน Social Media มากเท่าไหร่ โอกาสที่ลูกค้าจะเห็นก็ยิ่งมากขึ้น สร้างความได้เปรียบให้กับธุรกิจ

Blogger รีวิว การตลาดมาแรง

Blogger นับว่าเป็น Social Marketing ที่มีประสิทธิภาพสูง สร้างยอดขายให้ผู้ประกอบการได้อย่างมาก จากสถิติพบว่า กว่า 91% ของผู้คน GenZ ชื่นชอบและเชื่อการรีวิว และมักจะเปรียบเทียบรีวิวหลาย ๆ รีวิวก่อนจึงจะตัดสินใจซื้อ

สาเหตุที่ทำให้ บล็อกเกอร์ ช่วยเพิ่มยอดขายให้ร้านอาหารได้ เพราะ บล็อกเกอร์ ยังคงคอนเซ็ปต์เล่าประสบการณ์ เล่า Product Benefits ของสินค้าหรือรายละเอียดในมุมที่โฆษณาอาจจะบอกไม่หมด หรือลูกค้าส่วนใหญ่ไม่รู้ พร้อมรูปบบรรยากาศ รูปอาหาร ที่ดู Real กว่า และมีฐานผู้ติดตามที่มีความชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ของบล็อกเกอร์อยู่แล้ว ทำให้บล็อกเกอร์เข้าใจถึงความต้องการของผู้ติดตาม จึงทำให้ถ่ายทอดข้อมูลได้ตรงกับความต้องการ ส่งผลทำให้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ

“Blogger / Influencer มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ เพราะลูกค้าจะรู้สึกใกล้ชิดมากกว่า รีวิวดู Real และเข้าถึงได้จริง”

สถิติยอดขายจาก Blogger ที่ร่วมกับ Hungry Hub

Hungry Hub เป็นแพลตฟอร์มจองร้านอาหาร แหล่งรวมบุฟเฟ่ต์อันดับ 1 ของไทย รวมพาร์ทเนอร์ร้านอาหารและโรงแรมกว่า 700 ร้าน โดยมี Blogger เป็นพันธมิตรทั้งระดับ Macro- Influencer, Micro-Influencer และ Nano-Influencer รวมมากกว่า 200 เพจ ที่มีความถนัดหลากหลาย ไม่ใช่แค่บล็อกเกอร์สายกิน แต่ยังรวมสายไลฟ์สไตล์ สายบิวตี้ เพื่อเข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ ๆ ที่พร้อมจะช่วยโปรโมตเพื่อสร้าง Brand Awareness ไปจนถึง Consideration ให้กับร้านหรือโรงแรมได้

นอกจากนี้ การตลาดบล็อกเกอร์ ของ Hungry Hub ยังสามารถวัดผลลัพธ์ได้ โดยมีการทำ Tracking ที่สามารถติดตามได้ว่า โพสต์ร้านอาหารที่บล็อกเกอร์ไปรีวิว สามารถสร้างยอดขายได้เท่าไหร่ ทำให้รู้ว่าร้านที่เข้าร่วม Hungry Hub ควรใช้บล็อกเกอร์เพจไหน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด

ตัวอย่าง Blogger ที่ Hungry Hub ใช้ในการทำการตลาดให้กับแบรนด์

พาเธอไป Journey ประเภท รูฟท็อป (Rooftop)
Aumjumma วาไรตี้..ชีวิตป้า ประเภท Hotel, Korean BBQ
อยู่ด้วยโปร – Live with Pro / หรอย Rhoi ประเภท สเตเคชั่น (Staycation)
กุ้งจังตะลอนกิน ประเภท อาหารทะเล (Seafood)
เชื่อกู กูแดกมาแล้ว ประเภท บุฟเฟ่ต์ (Buffet)
Aumjumma วาไรตี้..ชีวิตป้า ประเภท Hotel, Korean BBQ

โดยปกติหากต้องการให้บล็อกเกอร์ไปรีวิวจะต้องจ่ายค่าจ้างตามเรทราคาของบล็อกเกอร์ ตั้งแต่หลักพัน ไปจนถึงหลักหมื่นเลยทีเดียว แต่สำหรับพันธมิตรบล็อกเกอร์ ที่ Hungry Hub ส่งไปรีวิวร้านอาหาร ทั้งหมดนี้ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพราะรวมอยู่ในคอมมิชชั่นเรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ Hungry Hub ยังทำ Affiliate Marketing กับบล็อเกอร์ โดยทุกการจองที่เกิดขึ้นจากรีวิวของบล็อกเกอร์ จะได้ค่าคอมมิชชั่นจาก Hungry Hub ทำให้บล็อกเกอร์ ยิ่งมีความตั้งใจในการรีวิว เพื่อดึงดูดให้คนมาจองให้ได้จำนวนมาก ทำให้ร้านอาหารได้รีวิวที่ดี และได้ฐานลูกค้าใหม่ ๆ

หากร้านอาหารสนใจการตลาดของ Hungry Hub หรือ อยากทำความรู้จัก Hungry Hub ให้มากขึ้น อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก

หรือ หากคุณสนใจร่วมเป็นพันธมิตรของ Hungry Hub สามารถติดต่อได้ที่ Email : [email protected]